สรุปหนังสือ ปัญญาวิชาชีวิต — ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา
หนังสือเล่มนี้ได้ต้นแบบมาจาก How will you measure your life? by Clayton M. Christensen โดยคุณภิญโญแปลและเรียบเรียงคำพูดใหม่ตามสไตล์คุณภิญโญ
ทด: เนื้อหาในเล่มจะเป็นคำสละสลวย และแบ่งบรรทัดแบบเป็นภิญโญ ซึ่งในสรุปนี้ถ้ายกคำมาจากหนังสือเลยจะขอใส่เครื่องหมายคำพูดและเว้นบรรทัดให้เหมือนหนังสือ เพื่อให้ได้ฟีลนั้น 😄
กระบวนการ disruption
เป็นกระบวนการที่ธุรกิจรายใหญ่โดนโจมตีโดยธุรกิจรายใหม่ที่เล็กกว่า แต่มีสินค้าราคาถูกกว่า เทคโนโลยีใหม่กว่า
ผู้เล่นรายเดิมประมาท ไม่สนใจเทคโนโลยีให้ทันสมัย ประสิทธิภาพดีในราคาที่ถูกลง จึงมีผู้เล่นรายใหม่สามารถโจมตีจากตลาดที่มีความต้องการสูง และค่อยๆขยับจนครอบครองตลาดโดยสมบูรณ์
คำถามสำคัญคือ จุดที่จะถูกทำลายล้างทางธุรกิจของเราอยู่ส่วนไหน หากเราเป็นผู้เล่นรายเดิม เปลี่ยนแปลงเชื่องช้า จะรับมือผู้เล่นใหม่ที่มีเทคโนโลยี ฉับไว ราคาถูกยังไง
การหยุดตัวเองไว้ที่ความรู้เก่า
ประสบการณ์เก่า
โดยไม่แสวงหาความรู้ใหม่
ประสบการณ์ใหม่
เป็นหนทางอันเรียบง่าย
ที่จะเดินเข้าสู่หายนะเบื้องหน้า
ปัญหาใหญ่ในยุค disruption คือบริษัทส่วนใหญ่ใช้ทรัพยากรมากไปในการรักษาอดีต และใช้ทรัพยากรน้อยไปในการสร้างอนาคต
ตอนที่ Clayton นำเสนอแนวคิดนี้ให้ Intel ได้ยกตัวอย่าง Nucor โรงงานผลิตเหล็กรายเล็กที่เจาะตลาดล่างก่อนและยึดครองทีละส่วนจนรายใหญ่สู้ไม่ได้
Intel จึงออก Processor Celeron ออกมาปิดตลาดล่าง
Clayton บอกว่าเจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่อง processor แค่นำเสนอ how to think แทนที่จะเป็น what to think เพื่อให้อีกฝ่ายที่เชี่ยวชาญในด้านนี่อยู่แล้วหาคำตอบที่ถูกต้องเอง
ในวิชาของ Clayton จะขอให้นักเรียนวิเคราะห์ตัวเองแล้วตอบคำถาม 3 ข้อ
1. เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า
เราจะมีความสุขกับหน้าที่การงาน
2. เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า
ความสัมพันธ์กับคู่ชีวิต ครอบครัว
จะเป็นต้นธารแห่งความสุขไม่ขาดสาย
3. เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า
เราจะไม่จบชีวิตอย่างเดียวดายในคุก
มาไล่ดูคำตอบกันทีละข้อ
1. เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเราจะมีความสุขกับหน้าที่การงาน
แรกผลักดันในชีวิตเราไม่ได้มาจากเงินทองแต่มาจาก 4 อย่างคือ โอกาสในการเรียนรู้, ความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น, ทำเพื่อคนอื่น และ มีคนชื่นชมผลงาน
เงินไม่ใช่ปัจจัยสูงสุด, เงินรายได้ที่ดี เงื่อนไขในการที่เป็นธรรม หัวหน้าที่มีภาวะผู้นำทำให้คนไม่เกลียดงานเท่านั้น ความรักงานเกิดจากโอกาสที่จะได้เรียนรู้ศึกษาเพิ่มเติมจากงานนั้น
2. เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าความสัมพันธ์กับคู่ชีวิต ครอบครัว จะเป็นต้นธารแห่งความสุขไม่ขาดสาย
อันดับแรกเราต้องให้ค่าความสำคัญก่อนว่าอะไรสำคัญ แล้วใช้ทรัพยากร(เวลา ปัญญา และพลังงาน)ไปกับมัน
หัวใจของกลยุทธ์
นอกจากการจัดสรรทรัพยากรแล้ว
จึงคือการทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็นในชีวิต
ออกไปให้ได้มากที่สุด
เมื่อทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป
ธุรกิจจึงคงเหลือแต่
สิ่งสำคัญและจำเป็นสูงสุด
แม้แต่นักศึกษาธุรกิจมหาวิทยาลัย Harvard ส่วนมากยังไม่รู้เลยว่า ความมุ่งมั่นปรารถนา(purpose)ของตัวเองคืออะไร
ถ้าเอาแต่ผัดผ่อนตัวเองไม่ตอบคำถามนี้ ชีวิตจะมีข้อเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆทั้งการผ่อนบ้าน การทำงาน 70 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
Clayton ใช้เวลา 1 ชั่วโมงทุกคืน อ่านพระคัมภีร์ ทบทวนตน สวดมนต์ และ สนทนากับพระเจ้า
พระองค์ส่งลูกมาเกิดบนโลก
ด้วยพระประสงค์ใด
จุดมุ่งหมายของ Clayton คือ งอกงามศรัทธาในศาสนา
What can’t be outsourced — ไม่ใช่พ่อแม่ ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้
การจ้างคนนอกองค์กร บางครั้งก็เป็นเรื่องที่ดี ทำให้เราสามารถเอาเวลามาจัดการจุดแข็งได้เต็มที่ แต่ในชีวิตเรา มีบางอย่างที่ไม่อาจไปจ้างคนนอกทำแทนได้
การทุ่มเททำงาน แต่ให้แรงงานต่างด้าวเลี้ยงดูบุตรหลาน เอาความรู้ ความสามารถให้คนอื่น แต่กับคนที่รักที่สุดให้แค่วันหยุด เท่ากับสูญเสียเวลาที่ดีที่สุดให้กับการสร้างงานภายนอก
อย่าสนใจแต่ผลตอบแทนระยะสั้น ให้ดูผลตอบแทนระยะยาวด้วย
การเป็นผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ต้องรู้จักเครื่องมือสร้างสรรค์ความร่วมมือ ถ้าองค์กรไหนมีความเห็นพ้องต้องกันน้อย เครื่องมือสำคัญคือ อำนาจในการข่มขู่ ลงโทษ
กลุ่มผู้บริหารต้องกำหนดว่า ต้องทำอะไร ทำอย่างไร เมื่อทำไปนานๆก็จะกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กร
ในตอนเด็กพ่อแม่สามารถใช้วิธีบังคับให้ลูกทำตามได้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่เมื่อลูกโตแล้วจะใช้ไม่ได้อีก
วิธีที่ถูกต้องคือให้ใช้เวลาสร้างวัฒนธรรมที่ดีกับลูกตั้งแต่ยังเด็ก
3. เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเราจะไม่จบชีวิตอย่างเดียวดายในคุก
ข้อนี้ดูเหมือนเรื่องไกลตัว แต่ Clayton กล่าวว่า 2 ใน 32 คนที่ได้รับทุนโรดส์ โดนโทษคุมขัง
Jeff Skilling เพื่อนร่วมชั้นของ Clayton สมัยเรียน Harvard เคยเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง เคยทำรายได้ถึง 132 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี แต่ต้องโทษคุมขัง 24 ปี 4 เดือน ลูกชายคนเล็กเสียชีวิตเมื่ออายุ 20 ปี เนื่องจากเสพยาเกินขนาด
คำนี้จึงเป็นอีกคำถามสำคัญ
จุดเริ่มต้นของการทำผิดคือความคิด แค่หนนี้หนเดียว
การยอมให้ตัวเองทำผิดเพียงหนึ่งครั้งนี่แหละ นำไปสู่ความทุกข์ ในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย Clayton มีแข่งบาสรอบชิงชนะเลิศ แต่วันที่แข่งดันเป็นวันอาทิตย์ ซึ่ง Clayton ได้ให้สัตย์ปฏิญาณกับพระเจ้าว่าจะไม่เล่นกีฬาในวันนั้นตั้งแต่อายุ 16 ปี (ทำไมไปปฏิญาณเรื่องนี้หว่า🤔) เลยยึดมั่นว่ายังไงก็จะไม่ลงแข่งแม้เพื่อนร่วมทีม และโค้ชจะมาขอร้อง
มันเป็นการง่ายกว่า
ถ้าเราจะรักษาหลักการไว้ 100 ครั้ง
แทนที่จะรักษาหลักการไว้ 98 ครั้ง
เพิ่มเติม
วันที่ 23/9/62 คุณภิญโญมาพูดที่วงใน เลยได้มีโอกาสเอาเล่มนี้ไปขอลายเซ็น ได้คุยกันนิดหน่อยว่าตอนอ่านไม่ได้เข้าใจทั้งหมด (ในเล่มมีวงอะไรที่วงๆไว้ด้วย พี่รุตน์ head of people ยืมไปเปิด ๆ ดูเดาว่าเห็นแล้วด้วย 555) คุณภิญโญเล่าว่าตอนแปลก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เช่นเรื่องที่ Clayton อ่านไบเบิลก่อนนอนทุกคืน พอไปอ่านเซนก็เข้าใจว่า ที่อ่านไบเบิลแล้วนำมาครุ่นคิดก็ไม่ต่างจากพระเซนอ่านโกอานแล้วพิจารณาทีละประโยค
หนังสือเล่มนี้ก็เช่นกันบางอย่างเราต้องใช้เวลาคิดเป็นเดือนเป็นปีจึงจะเข้าใจ